Beauty, health

รู้จัก Emotional Eating ภัยเงียบที่คนชอบกินแก้เครียดต้องรู้!

 

ในวันที่เหนื่อยล้า ไม่ว่าใครก็ต้องการรางวัลปลอบใจกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่สมองและร่างกายที่ต้องการอาหารดี ๆ สักมื้อเพื่อปลอบใจในวันที่อะไร ๆ ก็ไม่เป็นใจเช่นกัน แต่หลายครั้ง หากอารมณ์ที่หลากหลายทำให้อยากกินอาหารมากมายจนเกินความจำเป็น ไม่แน่ว่าในขณะนี้ร่างกายและจิตใจของเราอาจกำลังตกอยู่ในภาวะ “Emotional Eating” หรือ “กินตามอารมณ์” ก็เป็นได้ แล้ว Emotional Eating คืออะไร อันตรายมากน้อยแค่ไหน และควรวางแผนรับมืออย่างไรให้ปลอดภัยกับสุขภาพกายและใจ ที่นี่มีคำตอบ

Emotional Eating คืออะไร?

เมื่อสารเคมีในสมองไม่สมดุลเนื่องจากมี “อารมณ์” เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากการดีใจจนหยุดไม่อยู่ ไปจนถึงความโศกเสียใจและสารพัดความเครียด ระบบประสาทในสมองจะส่งสัญญาณเพื่อตอบสนองความต้องการของร่างกาย ทำให้ระบบต่าง ๆ กลับเข้ามาสู่ภาวะปกติ 

ในกรณี Emotional Eating จะเป็นการที่ร่างกายส่งสัญญาณให้รับประทานอาหารมากกว่าปกติเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ โดยสมองจะทำงานภายในกลไกที่เรียกว่า Brain Reward System ที่เชื่อมโยงกับฮอร์โมโดพามีนที่ควบคุมอาหารและความสุข

โดยเมื่อร่างกายได้รับอาหารที่ส่งผลกับกระบวนทางจิตอย่าง “น้ำตาล” หรือ “ของที่มีแคลอรีสูง” ไปจนถึงอาหารจานโปรดที่ชอบ สมองก็จะหลั่งฮอร์โมนโดพามีนออกมา ทำให้เรารู้สึกมีความสุขที่ได้กิน จนท้ายที่สุด เมื่อร่างกายก็จะเรียนรู้ว่า หากรู้สึกเครียด ดีใจ หรือมีอารมณ์ใดเมื่อไหร่ การกินอาหารก็จะช่วยเยียวยาจิตใจและทำให้กลับมาอารมณ์ดีได้อีกครั้ง

 

Emotional Eating อันตรายจริงไหม?

แม้จะดูเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครก็ทำกัน แต่การกินเพื่อตอบสนองความต้องการทางอารมณ์สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เนื่องจากการกินดังกล่าวไม่ใช่การกินเพื่อตอบสนองความหิว จึงทำให้เราสามารถรับประทานอาหารเกินความจำเป็นของร่างกายได้ 

นอกจากนี้ การรับประทานอาหารตามอารมณ์ที่มากเกินไปยังกระตุ้นให้สมองทำงานภายใต้กลไกอย่าง Brain Reward System มากเกินไป ส่งผลให้ในระยะยาวร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนโดพามีนน้อยลง จนทำให้รู้สึกมีความสุขน้อยลงและยากขึ้นอีกด้วย

 

ดูแลภาวะ Emotional Eating อย่างไรดี?

จากอันตรายของ Emotional Eating ข้างต้น หลายคนก็อาจรู้สึกว่า ความดีต่อใจกำลังจะหายไป อย่างไรก็ดี หากใครเริ่มมีภาวะการกินตามอารมณ์มากเกินไป ก่อนจะกดสั่งเมนูอาหารที่ต้องการ ขอแนะนำให้ลองถอยสักก้าวออกมาพิจารณาอารมณ์ของตัวเองอย่างใจเย็นและมีสติ จากนั้นจึงค่อย ๆ หาวิธีคลายเครียดในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากการกินดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการลุกเดิน นั่งสมาธิ ไปจนถึงการหาเวลาไปออกกำลังกายเพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนและสุขภาพใจให้ดียิ่งขึ้น

 

รู้แบบนี้แล้ว ในวันที่รู้สึกใจพัง อย่าลืมสำรวจอารมณ์ตัวเองดูสักหน่อย พร้อมตรวจสอบความต้องการของตัวเองอีกสักนิดก่อนกดสั่งของอร่อยมาฮีลใจด้วยนะ

 …

health

หน้าร้อนนี้ดูแลตัวเองให้ดี ระวังอันตรายจากความร้อน

girl-on-the-beach

          อากาศร้อนอันตรายกว่าที่คิด เพราะมีโรคและอาการป่วยมากมายที่เกิดขึ้นได้เพราะอากาศที่ร้อนเกินไปอย่างเช่นโรคลมแดด หรือ Heatstroke ซึ่งเป็นอาการที่นำไปสู่ภาวะสุขภาพอื่น ๆ อีกมากมาย

อันตรายจากอากาศร้อน 

  • การสูญเสียน้ำ และเกลือแร่ในร่างกายเพราะความร้อน และการไม่ได้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อาจทำให้อ่อนเพลีย หมดสติ รวมถึงอาจทำให้เกิดอาการอัมพาตได้
  • อาการเป็นลมแดด หรือการหน้ามืด และเป็นลมเพราะความร้อน ซึ่งอาจทำให้คุณหมดสติล้มลงจนบาดเจ็บได้
  • การโดดแดดเผา นอกจากการวิงเวียนและหมดสติจากความร้อนแล้ว อีกหนึ่งอันตรายของความร้อนก็คือแสงแดด และความร้อนที่ทำให้ผิวหนังของคุณแสบร้อน แดง และเกิดความระคายเคือง

นอกจากอาการเหล่านี้แล้ว อากาศที่ร้อนก็ยังมาพร้อมความเสียงต่อการเกิดโรค และการติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ อีกด้วย เพราะมีไข้หวัดมากมายที่แพร่กระจายได้ดีในฤดูร้อน เช่น ไข้หวัดใหญ่ และอื่น ๆ 

 

เพื่อป้องกันอันตรายจากอากาศร้อน คุณควรดูแลตัวเองด้วยวิธีดังต่อไปนี้ 

1.ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยคุณควรที่จะจิบน้ำเรื่อย ๆ ตลอดทั้งวัน ไม่ควรฝืนตัวเองเมื่อกระหายน้ำ และควรดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำในร่างกายเพราะความร้อน

2.ทานอาหารที่มีประโยชน์ วิตามิน และเกลือแร่ครบถ้วน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันที่ดี

3.หลีกเลี่ยงการตากแดด และอยู่ในที่ร้อนอบอ้าวเป็นระยะเวลานาน ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดลดแดด

4.หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องใช้แรงเยอะ ๆ เปลี่ยนมาออกกำลังกายในร่มแทนในช่วงหน้าร้อน

Beauty, health

บอกทริค 3 วิธีดูแลผิวหน้าช่วง PM 2.5 ครองเมือง

ช่วงต้น ๆ ปีที่อากาศเย็นกำลังจะหมดไป และเปลี่ยนไปสู่อากาศร้อนสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญคือฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว หรือที่หลายคนเรียกกันว่า PM 2.5 ซึ่งนอกจากจะมีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้หลายคนมีอาการแพ้ น้ำมูกไหล แล้วยังส่งผลร้ายต่อปอดของเราในระยะยาวอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าฝุ่นขนาดจิ๋วนี้ ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวของเราได้อีกด้วย ทั้งทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง เกิดอาการแพ้เป็นผดผื่นเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นบนใบหน้ามากมาย สร้างความกังวลใจให้ไม่น้อย เพื่อเป็นการปกป้องผิวจากการทำร้ายของฝุ่นละออง เรามี 3 วิธีดูแลผิวหน้าดี ๆ ในช่วง PM 2.5 ครองเมือง มาแนะนำกัน

 

  • บำรุงผิวหน้าให้แข็งแรง

การมีผิวหน้าที่แข็งแรง โดยเฉพาะในส่วนของปราการผิวชั้นแรก เป็นสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงผิวเสียจากการถูกฝุ่นละอองทำลายผิวได้ ซึ่งเราสามารถเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ผิวหน้าได้ด้วยการใช้สกินแคร์เพื่อบำรุงผิว โดยควรเลือกที่มีส่วนประกอบช่วยให้ความชุ่มชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองสามารถเข้าทำร้ายผิวได้

 

  • ทาครีมกันแดด

ครีมกันแดดถือเป็นสกินแคร์ที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน โดยการทาครีมกันแดด ก็มีส่วนช่วยในการปกป้องผิวไม่ให้ถูกฝุ่นละอองทำร้ายด้วยเช่นกัน ทั้งยังสามารถป้องกันสารยูวี ซึ่งเป็นตัวการทำลายเซลล์ผิว และคอลลาเจนในชั้นผิว ดังนั้นก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง อย่าลืมทาครีมกันแดดโดยเด็ดขาด

 

  • ล้างทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด

เมื่อบอกวิธีป้องกันไปแล้ว มาถึงขั้นตอนของการทำความสะอาดสิวให้หมดจด ด้วยการใช้ที่ล้างเมกอัพเช็ดเครื่องสำอางให้สะอาด และใช้โฟมล้างหน้าหรือเจลล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองออกไปจากใบหน้าให้หมดนั่นเอง

health

Find Out How a Knee Clinic in Bangkok Can Help You

knee clinic bangkok

It used to be that experiencing chronic pain in your knees immediately brought to mind the considerable expense and lengthy recovery of a total knee replacement operation. But these days, an experienced knee clinic in Bangkok may be able to offer several alternative treatments, therapies and techniques that can save you from the expense and difficult rehab of a knee replacement.  

Stem cell therapy is one of the most recent techniques a knee clinic in Bangkok may offer. Stem cells are cells within everyone’s body that can transform themselves, help the body where it’s needed, and divide indefinitely. 

The knee clinic in Bangkok offering stem cell therapy will remove stem cells from your body, and inject them into damaged tissue and muscles around your knees. These stem cells will then help the tissue and muscles regenerate themselves and provide healthy support for your knees.

But stem cell therapy is just